มากระโดดบน Trampoline กัน
Trampoline ได้รับการเลือกให้เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายที่ดีที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดที่คุณสามารถทำได้! นาซ่าเชื่อว่า “การออกกำลังกายที่ดีดตัวขึ้นเป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดรูปแบบหนึ่ง” อีกทั้ง Trampoline เป็นการออกกำลังกายที่ส่งผลกระทบค่อนข้างต่ำต่อกล้ามเนื้อ และช่วยเพิ่มการทำงานประสานกันระหว่างอวัยวะต่างๆ อีกด้วย
การออกกำลังกายให้กล้ามเนื้อหัวใจ
การวิจัยขององค์การนาซ่าค้นพบว่า การบ๊าวซ์บนแทรมโพลีนเพียง 10 นาที สามารถช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวใจเทียบเท่ากับการวิ่ง 33 นาที โดยในรายงานกล่าวไว้ว่า
“หากต้องการเทียบอัตราการเต้นของหัวใจและการสูบฉีดออกซิเจน ผลการศึกษาได้แสดงค่าไว้ว่า การออกกำลังที่ต้องใช้ทักษะสูง ดังเช่นการกระโดดบนแทรมโพลีน ให้ผลลัพท์ที่สูงกว่าการวิ่ง”
นอกจากนี้ การกระโดดยังช่วยเร่งการขจัดสารพิษและขับของเสียออกจากร่างกายได้รวดเร็วอีกด้วย
ความสัมพันธ์ของร่างกายและความคล่องตัว
การกระโดดบนแทรมโพลีน ทำให้เกิดความใส่ใจในร่างกายมากยิ่งขึ้น และรวบรวมสติเพื่อควบคุมการทรงตัว ให้แขน ขา ลำตัว และร่างกายเกิดภาวะความสมดุลย์ ซึ่งทักษะนี้เป็นแกนสำคัญในการนำไปใช้พัฒนาฝึกฝนกีฬาชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะกีฬาที่ต้องอาศัยความสัมพันธ์ระหว่างตา มือ และร่างกาย ดังเช่น นักกีฬายิมนาสติกและนักแสดงประเภทศิลปกายกรรม ซึ่งการฝึกบนแทรมโพลีนจะช่วยในการพัฒนาท่วงท่าและการเคลื่อนไหว ทำให้ทักษะการตีลังกาทั้งในอากาศและบนพื้น มีท่าทางที่สวยงามมากยิ่งขึ้น
การออกกำลังกายแบบโลว์-อิมแพค
แทรมโพลีน สามารถรับแรงกระทบจากการกระโดดขึ้นสูงได้ถึง 80% จึงช่วยรองรับการทำงานของกล้ามเนื้อและกระดูกจากการออกกำลัง ซึ่งแตกต่างจากกีฬาที่ใช้ร่างกายเฉพาะส่วน เช่น เทนนิส หรือการวิ่ง จ็อกกิ้ง เพราะการกระโดดบนแทรมโพลีนเป็นออกกำลังกายที่ใช้ทุกส่วน อีกทั้งลดความเสี่ยงต่อการสึกของข้อต่อต่างๆ โดยเฉพาะข้อเท้าและหัวเข่า ซึ่งมักจะเกิดจากการรับแรงกดหรือแรงกระแทกจากการเล่นบนพื้นที่แข็ง แทรมโพลีนจึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเล่นกีฬาแต่มีข้อจำกัดเรื่องการเคลื่อนไหว หรือผู้ที่อยู่ในช่วงฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังการบาดเจ็บ
กล้ามเนื้อกระชับ
การกระโดดบนแทรมโพลีน สามารถช่วยกระชับกล้ามเนื้ออย่างเห็นผล เพิ่มความยืดหยุ่นของร่างกายได้เป็นอย่างดีเยี่ยม และทำให้ไขมันลดลง เมื่อเล่นเป็นประจำจะช่วยปรับปรุงท่วงท่าการเคลื่อนไหว และรู้จะสึกได้ถึงพัฒนาการของกล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกาย ซึ่งนาย จอห์น เบียร์ โค้ชโอลิมปิค กีฬาแทรมโพลีนทีม ของสหราชอาณาจักร อธิบายไว้ว่า “การมีกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวที่แข็งแรง จะทำให้ร่างกายเกิดความสมดุลย์และการทรงตัวจะมั่นคง ส่งผลให้ช่วงท้องและส่วนหลังช่วงล่างแข็งแรงและกระชับ” จอห์นเห็นด้วยกับงานวิจัยขององค์การนาซ่าที่ระบุว่า แทรมโพลีนช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายโดยรวม
เสริมสร้างพลานามัย
หากกระโดดบนแทรมโพลีนอย่างสม่ำเสมอ การเผาผลาญและการเบิร์นแคลอรี่จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างเต็มประสิทธิภาพ เพราะจากการกระโดดขึ้นๆ ลงๆ ร่างกายจะตอบสนองกับแรงโน้มถ่วงของโลกมากขึ้น ทำให้เซลล์ร่างกายแข็งแรงขึ้นและกระตุ้นให้เซลล์ภูมิคุ้มกันทำงานมากขึ้นตามธรรมชาติ ส่งผลให้ป่วยน้อยลง
ลดความเครียด
ความสนุกที่เกิดจากการบ๊าวซ์บนแทรมโพลีน ช่วยกระตุ้นให้มีการหลั่งอะดรีนาลีนในสมองให้มากขึ้น จึงช่วยขจัดความรู้สึกหดหู่ ลดความวิตกกังวล และความตึงเครียดได้เป็นอย่างดี หากมีวินัยการเล่นอย่างสม่ำเสมอ สามารถช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย นอนหลับสนิทได้นานขึ้น ในขณะเดียวกันทำให้รู้สึกร่างกายมีพลังงาน กระฉับกระเฉง ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายสามารถสูบฉีดออกซิเจนได้ดีขึ้น ส่งผลให้เป็นคนคล่องแคล่ว มีสุขภาพจิตที่ดี และมีความสุขมากขึ้น
การฝึกฝนและคำแนะนำ
การกระโดดบนแทรมโพลีนยังช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคที่เกี่ยวกับกระดูกได้หลายอย่าง เช่น ภาวะกระดูกเปราะ การเกิดกระดูกหัก และโรคกระดูกพรุน การบ๊าวซ์สร้างแรงกระแทกที่นุ่มนวลซ้ำๆ ทำให้กระดูกและโครงสร้างอื่นๆ มีการตื่นตัวเพื่อรองรับแรงสะท้อนที่เกิดจากการบ๊าวซ์ที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ภาวะแร่ธาตุของกระดูกมีความสมดุลมากยิ่งขึ้นไปพร้อมๆ กัน
ขอบคุณที่มาข้อมูล
https://goo.gl/RfZD6Z